เศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมยังคงแข็งแรงกว่าผลสำรวจ ทำให้มีการปรับเพิ่มคาดการเติบโตเศรษฐกิจทั้งปี 2024F เพิ่มที่ +2.4% (จากเมื่อต้นปี ที่ +1.3%) อย่างไรก็ดี เราคาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอความแข็งแรงใน 2Q24 … ขณะที่ เศรษฐกิจจีนแม้ยังเผชิญแรงกดดันหลายด้าน แต่ปัจจุบันเริ่มมองเห็นสัญญาณเชิงบวก-เสถียรภาพมากขึ้น ในด้านการผลิต ภาคอสังหาฯ และการจ้างงาน เศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา ยังคงเติบโตอ่อนแอ แต่ภาพการเติบโตในระยะถัดไป ดูชัดเจนขึ้นมาก ทั้งจากนักท่องเที่ยวจีน ที่กลับมาเร็ว, การผ่านร่างงบฯ ที่จะเปิดทางให้ภาครัฐฯใช้จ่าย และภาคส่งออกที่น่าจะฟื้นตัว… ทั้งนี้ เรามองว่า เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มเชิงบวกยิ่งขึ้น จะเป็นปัจจัยหนุน SET ในระยะถัดไป แนะนำจัดพอร์ตแบบ “Moderate Risk Portfolio” โดย แนะนำ ZEAL ซึ่งมีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Absolute Return และมีความยืดหยุ่นในการลงทุนสูง … สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ แนะนำ “ซื้อ” กองทุนหุ้นเวียดนาม Principal VNEQ-A, กองทุนหุ้นเกาหลี SCBKEQTG, […]

แม้หุ้นไทยอ่อนแอกว่าคาด แต่เรายังมองบวก หุ้นไทยเดือน มี.ค. แกว่งตัวจำกัด และปรับขึ้นเพียง 7 จุด ซึ่งอ่อนแอกว่าที่เราคาดมาก เมื่อเทียบตลาดหุ้นต่างประเทศที่กลับเข้าสู่โหมด Risk-On หลังธนาคารกลางในประเทศหลัก ส่วนใหญ่ ยืนยันมุมมองการปรับลดดอกเบี้ย แม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะแข็งแรง (ลดโอกาสเกิด recession ลง) และตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าผลสำรวจ ทั้งนี้ Fed กล่าวย้ำว่า ในช่วงที่แรงกดดันเงินเฟ้อลดลงเร็ว Fed เองก็ไม่ได้ปรับเป้าระยะยาว และใน 2 เดือนที่ผ่านมา แม้ตัวเลขเงินเฟ้อ และตัวเลขเศรษฐกิจจะแข็งแรงกว่าคาดบ้าง ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อมุมมองการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ ปัจจัยบวก ที่น่าจะเห็นในระยะ 1-4 เดือนข้างหน้า คาดจะผลักดันให้ หุ้นไทยปรับตัวขึ้น ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาเยือนไทย ใน 1Q24 ฟื้นตัวขึ้นมาที่ 9.37 ล้านคน เติบโตสูงถึง 44% y-y จะเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีในช่วงที่เหลือของปี สวนทางกับกับปีที่แล้ว  ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนไทย น้อยอย่างน่าผิดหวังเมื่อเทียบเป้าของหลายๆสำนัก ดังนั้น เราจึงมองว่า กระแส่รายงานจำนวนนักที่องเที่ยวต่างประเทศ จะช่วยหนุนให้การลงในไทยฟื้นตัวได้ดี ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน […]

สรุปใจความเหตุการณ์สำคัญ ดังนี้ 1) ผลประชุม Fed: แม้เงินเฟ้อสูงกว่าที่ตลาดคาด แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ FED ยุติความคิดที่จะเตรียมปรับลดดอกเบี้ย, แนะนำ “ซื้อเพิ่ม” UGIS-N มองแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงที่คาดเกิดขึ้นตั้งแต่กลางปี จะส่งผลบวกต่อราคาตราสารหนี้ในรอบใหญ่ 2) ร่างกฎหมายการลงทุนในจีนของสหรัฐฯ: ร่างกฏหมายต้องใช้เวลานานในการผ่านขั้นตอนต่างๆ ขณะที่ ปัจจุบันนักลงทุนมีความคาดหวังต่อหุ้นจีนต่ำ โดย MSCI China มี Valuation ใกล้เคียงวิกฤติปี 08, 20 ดูน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว…   สำหรับผลตอบแทนของแผนการลงทุน ZEAL นับตั้งแต่ต้นปี อยู่ในกรอบ -1.2% ถึง +1.7% vs SET TRI ที่ -2.0% (Ex1.2) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Weekly Strategy……

สรุปใจความเหตุการณ์สำคัญ ดังนี้ 1) BoJ กลับทิศนโยบายการเงิน-ยกเลิกการซื้อ ETF:  คาดนักลงทุนจะให้ความสนใจกับหุ้นญี่ปุ่นน้อยลง และแบ่งเงินลงทุนบางส่วนมายังตลาดเอเชียอื่นๆ เช่น ไทย, จีน, เกาหลี  2) ความผันผวนในตลาดหุ้นเวียดนาม: มองมีสาเหตุจากการที่รัฐสภาเรียกประชุมฉุกเฉิน อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นเวียดนามในระยะยาว มองผลกระทบจำกัดหากมีการเปลี่ยนแปลงปธน., การทดสอบระบบซื้อขาย KRX มีความคืบหน้า ช่วยสนับสนุนให้เวียดนามเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ในปีหน้า  …   สำหรับผลตอบแทนของแผนการลงทุน ZEAL นับตั้งแต่ต้นปี อยู่ในกรอบ -0.4% ถึง +3.2% vs SET TRI ที่ -1.1% (Ex1.2) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Weekly Strategy……

เรามีคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ ดังนี้ 1) “ซื้อ” หุ้นจีน ผ่าน SCBCHEQA: มองความกังวลเรื่องเงินฝืด มีโอกาสผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ประกอบกับรัฐบาลน่าจะทยอยออกมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วง 2H24 2) “ซื้อเก็งกำไร” หุ้นเกาหลี ผ่าน SCBKEQTG: รัฐบาลกำลังพิจารณาแผนปฏิรูปตลาดทุนด้วยแนวทางซึ่งคล้ายกับที่ญี่ปุ่นทำสำเร็จ, เซมิคอนดักเตอร์ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักมีแนวโน้มฟื้นตัว-ภาพกำไรของบริษัทฯโดยรวมเติบโตดี, BoK มีโอกสสลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจใน 2H24…   สำหรับผลตอบแทนของแผนการลงทุน ZEAL นับตั้งแต่ต้นปี อยู่ในกรอบ -0.7% ถึง +3.0% vs SET TRI ที่ -1.7% (Ex1.2) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Weekly Strategy……

แม้หุ้นไทยอ่อนแอกว่าคาด แต่เรายังมองบวก แม้ว่าหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นในเดือน ก.พ. แต่ปรับขึ้นเพียง +30 จุด ซึ่งน้อยกว่าที่เราคาดหวัง เรามองว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอกว่าคาด (ดูรายงาน Pathumwan Corner วันที่ 4 มี.ค.)  ขณะที่นักลงทุนต่างชาติก็เริ่มพลิกกลับมาขายหุ้นไทย นับตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.  แต่เรายังไม่เปลี่ยนมุมมอง เนื่องจากตลาดหุ้นไทย ยังอยู่ใน “โซนถูก” รอเพียงปัจจัยหนุน ที่ผลักดันให้ valuation กลับไปในจุดที่ควร ปัจจัยบวก ที่น่าจะเห็นในระยะ 1-4 เดือนข้างหน้า คาดจะผลักดันให้ หุ้นไทยปรับตัวขึ้น เรามองเห็นปัจจัยบวก ที่ค่อนข้างเด่นชัดในระยะ 1-4 เดือน หลายปัจจัย ทั้งภายนอก จาก 1) การจะเริ่มเข้าสู่วัฏจักรผ่อนคลายนโยบายการเงินทั่วโลก (ปรับลดดอกเบี้ย) 2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ที่แม้จะไม่เท่าในอดีต แต่ก็คาดหวังได้มากกว่าปี 2023 นอกจากนี้ เรายังคาดหวังการเร่งใช้งบประมาณ ของรัฐบาลไทย ตั้งแต่เดือน เม.ย.-พ.ค. เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยเข้าสู่วงจร […]

เรามีคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ ดังนี้ 1) “ซื้อ” K-PROPI-A(D): REIT ได้รับผลบวกจาก bond yield ที่มีแนวโน้มลดลงตามทิศทางของเงินเฟ้อและดอกเบี้ยนโยบาย 2) “ทยอยซื้อ” ASP-USSmall:  หุ้นเล็กมักให้ผลตอบแทนโดดเด่น หลังการเริ่มลดดอกเบี้ย และในปีที่มีการเลือกตั้งปธน. 3) “ซื้อเก็งกำไร” KT-Mining: จีนซึ่งเป็นผู้บริโภคสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ ส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน-ออกมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ ช่วยสนับสนุนความต้องการใช้สินแร่ในงานก่อสร้างตามมา 4) “ขายทำกำไร” K-EUROPE-A(D)… สำหรับผลตอบแทนของแผนการลงทุน ZEAL นับตั้งแต่ต้นปี อยู่ในกรอบ -0.5% ถึง +1.6% vs SET TRI ที่ -0.9% (Ex1.2) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Weekly Strategy……

มองปัจจุบันเป็นจังหวะที่ดีสำหรับทยอยสะสมกองทุนหุ้นเล็กในสหรัฐฯ ASP-USSmall เนื่องจาก 1) วัฏจักรดอกเบี้ยที่จะกลับตัวเป็นขาลง ช่วยลดต้นทุนการเงินของหุ้นขนาดเล็ก ซึ่งมักมีระดับหนี้สินสูง 2) จากสถิติ หุ้นเล็กมักให้ผลตอบแทนที่โดดเด่น ทั้งในช่วงหลังเริ่มลดดอกเบี้ย และในปีที่มีการเลือกตั้งปธน. 3) ภาพการฟื้นตัวของกำไรในปี 25-26F ดูโดดเด่นเหนือหุ้นใหญ่ ขณะที่ Valuation ก็ดูน่าสนใจกว่า 4) กองทุนหลัก Virtus GF US Small Cap Focus มีผลงานที่สม่ำเสมอ และเหนือกว่าดัชนี Russell 2000 ในระยะยาว      … สำหรับผลตอบแทนของแผนการลงทุน ZEAL นับตั้งแต่ต้นปี อยู่ในกรอบ -0.7% ถึง -2.0% vs SET TRI ที่ -1.8% (Ex1.2) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Weekly Strategy……

เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าคาด… เศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา อ่อนแอกว่าที่เราคาด โดยภาคการผลิต มีการทยอยลดระดับสินค้าคงคลัง แทนที่จะผลิตใหม่ โดยเฉพาะรถยนต์ และสินค้าหมวดปิโตรเคมี ขณะที่การท่องเที่ยวก็ฟื้นตัวช้า และการบริโภค ก็ไม่ได้มีคุณภาพที่ดีมากนัก เนื่องจากการเติบโตหลัก ส่วนหนึ่งมาจากการใช้ไฟฟ้า และเชื้อเพลิงรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้เริ่มเห็นการปรับประมาณการลงของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากกระทรวงการคลัง และ ธปท. อย่างไรก็ดี เราคาดหวังว่ารัฐบาลจะเร่งใช้จ่ายหลังผ่านวาระฯงบประมาณในช่วงกลางปี แต่ปัจจัยภายนอก เป็นบวกมากขึ้น เศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกโดยรวม แข็งแรงกว่าคาด ทำให้โอกาสเห็นการถดถอยทางเศรษฐกิจโลกลดน้อยลง ขณะที่ Fed ก็ไม่ได้เปลี่ยนท่าที ที่จะลดดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เอื้อต่อการลงทุนในหุ้น (คล้าย Goldilocks) ขณะที่รัฐบาลจีนก็เริ่มใส่ใจตลาดหุ้นมากขึ้น และใช้ทั้งมาตรการเสริมสภาพคล่อง, การอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงเข้าตลาดฯ รวมถึงการตั้งเกณฑ์เข้มงวดมากขึ้นต่อธุรกรรม shortsell… ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นจีน ดังนั้น ในเชิงปริมาณ SET อาจได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากประเด็นดังกล่าวด้วย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Zeal Insight……

เราสรุปใจความของเหตุการณ์สำคัญ และให้มุมมองต่อหุ้นจีน ดังนี้ 1) แม้มีมาตรการสนับสนุนตลาดหุ้น แต่ในช่วงนี้หุ้นก็จีนยังคงผันผวนสูงต่อไป เนื่องจาก นักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจจีน 2) ความผันผวนในหุ้นจีนจะค่อยๆผ่อนคลายลง หลังทิศทางนโยบายรัฐมีความชัดเจนขึ้น และ Fed เริ่มลดดอกเบี้ย 3) แนะนำ “ซื้อ” SCBCHEQA มองปัจจุบันนักลงทุนมีความคาดหวังต่อหุ้นจีนต่ำ โดยหุ้นมี Valuation อยู่ในระดับใกล้เคียงวิกฤต, เศรษฐกิจที่ค่อยๆมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น จะสนับสนุนการฟื้นตัวของหุ้นในระยะยาว… สำหรับผลตอบแทนของแผนการลงทุน ZEAL นับตั้งแต่ต้นปี อยู่ในกรอบ -2.6% ถึง -4.6% vs SET TRI ที่ -2.8% (Ex1.2) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Weekly Strategy……