Company Research 9 May 2021, 15:19

Thanachart : TOP (SELL) – การลงทุนครั้งใหญ่ในโอเลฟินเคมิคอล – Target Price Bt48.00, Price Bt47.00


  • TOP เข้าถือหุ้น 15% ใน Chandra Asri
  • มูลค่าการลงทุนอยู่ที่  US$1.18bn หรือ 39 พันลบ.
  • เงินทุนมาจากการออกหุ้นเพิ่มทุน 10 พันลบ. และขายหุ้นใน GPSC
  • เรามีมุมมองที่ไม่เป็นบวกต่อธุรกรรมนี้ คงคำแนะนำ “ขาย”

SCC รายงานกำไรสุทธิ 2Q21 ที่ 17.1 พันลบ. (EPS 14.3 บาท/หุ้น) เพิ่มขึ้น 83% y-y และ 15% q-q ผลการดำเนินงานดีกว่าคาดจากธุรกิจเคมิคอลที่แข็งแกร่ง และปันผลรับที่สูง แนะนำ “ซื้อ”

  • บมจ. ไทยออยล์ ประกาศจะทำการลงทุนครั้งใหญ่ในโอเลฟินเคมิคอล โดยซื้อหุ้น 15.38% ใน Chandra Asri Petrochemical (BB code: TPIA IJ, not rated) ในประเทศอินโดนีเซีย รวมมูลค่า US$1.18bn หรือ 39 พันลบ. (สมมติการอัตราแลกเปลี่ยน USD/THB อยู่ที่ 33 บาท เรามีมุมมองที่ไม่เป็นบวกต่อธุรกรรมนี้ คงคำแนะนำ “ขาย”
  • Chandra Asri: Chandra Asri Petrochemical (CAP) เป็นผู้ผลิตสารเคมีโอเลฟินเพียงรายเดียวในอินโดนีเซีย ปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินกิจการโรงงานแยกแนฟทา (Naphtha Cracker) เพียงแห่งเดียว โดยมีผลผลิตโอเลฟินรวมอยู่ที่ 900k tpa นอกจากนี้ยังมีโรงงานโพลีเอทิลีนและโพลีโพรพิลีน รวมถึงสไตรีนโมโนเมอร์ (SM) และ MTBE ขณะที่บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC, “ซื้อ”) ปัจจุบันถือหุ้นใน CAP ราว 30%
  • สัดส่วนการถือหุ้น: การลงทุนของ TOP ใน CAP จะลงทุนผ่านบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ สำหรับเงินลงทุนของบริษัทฯ จะนำไปใช้เฉพาะเพื่อการพัฒนาและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีซึ่งจะก่อสร้างโดย PT Chandra Asri Perkasa (“CAP2”) TOP จะปรับลดสัดส่วนการถือหุ้นของ Barito Group (ผู้ถือหุ้นรายใหญ่) การลงทุนจะทำในสองขั้นตอน:
  • 15% แรกจะเป็นการจองซื้อหุ้นใหม่ และ (หากจำเป็น) เข้าซื้อหุ้นเดิม (Secondary Share) มาจาก Mr. Prajogo Pangestu ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ CAP ในกรณีที่บริษัทฯ ต้องลงทุนเพิ่มเติม (Top Up) ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 15% ซึ่งการซื้อหุ้นในสัดส่วน 15% นี้จะมีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน US$914m (30.2 พันลบ.)
  • หุ้นที่เหลือ 0.38% จะถูกซื้อหลังจากที่โครงการใหม่ (CAP2) ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) หากทำได้ภายใน 5 ปีหลังจากการทำธุรกรรมสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนแล้วเสร็จ มูลค่าที่ต้องจ่ายสำหรับหุ้น 0.38% นี้อยู่ที่ US$270m (8.93 พันลบ.) แต่หากไม่มีการอนุมัติการลงทุนภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ทำธุรกรรมสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนแล้วเสร็จ TOP จะต้องจ่ายเพิ่มอีกเพียง US$3.9m หรือ 129 ลบ.
  • การจัดหาเงินทุน: TOP จะใช้เงินทุนสนับสนุนการเข้าซื้อกิจการ โดยการออกหุ้นเพิ่มทุน (ไม่เกิน 10.0 พันลบ.) รวมทั้งขายหุ้นในบมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่  ในจำนวนไม่เกิน 10.8% (GPSC, “ซื้อ”, ทำบทวิเคราะห์โดยคุณณัฐภพ ประสิทธิ์สุขสันต์)

มุมมองของเรา: เรามีมุมมองที่ไม่เป็นบวกต่อธุรกรรมนี้ ประการแรก โอเลฟินไม่ใช่ธุรกิจหลักของ TOP ประการที่สอง ไม่มี synergy ที่ TOP จะได้รับจากการซื้อโรงงานโอเลฟินในอินโดนีเซีย ประการที่สาม TOP จะถือหุ้นเพียง 15.38% ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับ equity accounting แต่รายได้จากโครงการนี้จะอยู่ในรูปของเงินปันผลแทน สุดท้ายนี้ TOP กำลังลงทุนกับสิ่งที่เราคิดว่าอยู่จุดสูงสุดของวัฏจักรเคมิคอลแล้ว

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน……

รายงาน ฉบับ ภาษาไทย Thai Version

รายงาน ฉบับ ภาษาอังกฤษ English Version